ไก่ชนแต่ละพันธุ์ นอกจากมีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันแล้ว ความอดทนแข็งแรง เชิงชน ความฉลาด ความรวดเร็ว ความหนักหน่วง รวมถึงเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ ในการต่อสู้ยังแตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งไก่ชนแต่ละพันธุ์จะมีจุดเด่น จุดด้อยในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้พัฒนาพันธุ์จึงได้นำเอาข้อดีของแต่ละพันธุ์มารวมไว้ด้วยกัน โดยการผสมข้ามพันธุ์ อาจเป็นลูกผสมสองสายเลือด หรือสามสายเลือด เพื่อให้ได้ไก่ชนที่มีความเก่งครบเครื่องมากที่สุด
ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงไก่ชนบ้านเรามีการพัฒนาสายพันธุ์ โดยนำไก่พื้นเมืองจากต่างประเทศ โดยเฉพาะไก่พม่าและไก่เวียดนามเข้ามาผสมกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลักษณะของไก่ชนที่พบเห็นอยู่ทั่วไป ในปัจจุบันจึงค่อนข้างแตกต่างจากไก่พื้นเมืองของไทยที่หลายคนรับรู้มาก่อนหน้านี้พอสมควร ไก่ชนสายพันธุ์ไทยดั้งเดิม ไม่ว่าเหลืองหางขาว ประดู่หางดำ ไก่ลาย นกกรด ฯลฯ จากแหล่งต่าง ๆ ทุกวันนี้ ได้ผ่านการพัฒนาพันธุ์เป็นลูกผสมเกือบหมดแล้ว ลักษณะประจำพันธุ์จึงได้เลือนหายไป เหลือไว้เพียงลักษณะเด่น ๆ อย่างสีขนบางส่วนเท่านั้น จะหาไก่ชนที่มีลักษณะพันธุ์ดั้งเดิมได้ค่อนข้างยาก
ทั้งนี้ผู้เพาะเลี้ยงไก่ชนทุกคน ต่างพัฒนาพันธุ์เพื่อมุ่งไปที่ความเก่งมากกว่า การคัดเลือกลักษณะต่าง ๆ ก็มุ่งไปเรื่องของความเก่ง และให้ได้เปรียบด้านการชนมากกว่าจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับลักษณะหรือสีสันประจำพันธุ์มากนัก แต่อย่างไรก็ตามก็มีกลุ่มผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองอีก กลุ่มหนึ่งที่มุ่งพัฒนาพันธุ์ เพื่อคงลักษณะดั้งเดิมไว้เป็นการพัฒนาพันธุ์ เพื่อความสวยงามเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองเชิงอนุรักษ์ จึงไม่ต้องกังวลว่าไก่พื้นเมืองของไทยจะสูญหายไปจากประเทศ
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ไก่ชนแต่ละพันธุ์ก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่เพาะไก่ชนลูกผสม เพื่อลบจุดด้อยของแต่ละพันธุ์ออกไป แล้วนำจุดเด่นเข้ามาเสริมกัน ซึ่งทุกวันนี้ผู้พัฒนาพันธุ์ส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งเพาะพันธุ์ไปทางไก่ที่มีเชิงชนจัดจ้าน รวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นไก่เก่ง ไม่ว่าเป็นไก่ป่าก๋อย ไก่ตราด ไก่พนัส ฯลฯ แต่ทว่าไก่เชิงส่วนมาก เป็นไก่ที่กระดูกบาง โครงสร้างเล็ก เมื่อถูกคู่ต่อสู้ตีหนัก ๆ มักจะทนไม่ได้ จำเป็นต้องนำไก่ที่กระดูกหนา ๆ โครงสร้างดี ๆ ตีหนัก ๆ เข้ามาผสม อย่างไก่เวียดนามหรือไก่ไซ่ง่อน แม้เป็นไก่ที่ค่อนข้างช้า ปากช้าแต่ทว่ามีโครงสร้างดี กระดูกหนา ตีหนัก มีน้ำอดน้ำทนดี ถูกตีก็ไม่ยุบง่าย ๆ เมื่อนำมาผสมข้ามพันธุ์กัน ทำให้ลูกผสมที่ออกมาครบเครื่องทั้งเรื่องฝีมือและความหนักหน่วง
อย่างในอดีตยุคสมัยหนึ่ง “ไก่ตราด” เป็นไก่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องชั้งเชิงอย่างมาก เป็นไก่เก่ง ฉลาดไหวพริบดี แต่ข้อเสียคือ โครงสร้างและเรื่องของหัวจิตหัวใจ เนื่องจากไก่เก่งพวกนี้เวลาชนมักจะได้ตีคู่ต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ค่อยถูกตี ทำให้ไม่ค่อยมีควาทรหดอดทนมากนัก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทาง ซีพี ได้นำเข้าไก่จากเวียดนาม หรือที่รู้จักกันในชื่อไก่ไซ่ง่อนมา เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ไก่ชนในบ้านเรา และได้มีโอกาสชนกับไก่ตราด ซึ่งจุดเด่นของไก่ไซ่ง่อนคือความทนทาน ดื้อแข้ง ไม่ยุบหรือหักง่าย ๆ พอ ช่วงแรกไก่ตราดตีอยู่ฝ่ายเดียว ทว่าตีไปตีมาเอาไม่ลง พอโดนไก่ไซ่ง่อนสวนกลับไปมาก ๆ ก็แพ้ไปเลย
หลังจากครั้งนั้น ผู้ที่เคยเพาะเลี้ยงไก่ตราดต่างก็นำไก่ไซ่ง่อนไปพัฒนาพันธุ์ของตัวเอง เพื่อทำให้กระดูกและโครงสร้างไก่ของตัวเองดีขึ้น มีควาทรหดอดทนมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันไก่ตราดแท้ ๆ ของไทย ถูกกลืนกลายเป็นลูกผสมไปเกือบหมด สุดท้ายปัจจุบันที่เพาะเลี้ยงกันอยู่ก็เป็นไก่ชนลูกผสม ตราด+ไซ่ง่อน เสียเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งไก่ชนพื้นที่ต่าง ๆ ก็นำไก่ไซ่ง่อนไปผสม เพื่อปรับโครงสร้างไก่ชนแต่ละพื้นที่จึงกลายเป็นลูกผสมไปหมด
อย่างไรก็ดีทุกวันนี้ยังมีเพาะเลี้ยงบางรายที่ยังเพาะพันธุ์ไก่ตราดแท้ ๆ อยู่บ้าง เพื่อเป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์เอาไว้ ซึ่งก็มีไก่เก่งเกิดขึ้นมาอยู่เสมอ เพราะด้วยพื้นฐานไก่ตราดเป็นไก่เก่งอยู่แล้ว แต่ทว่าไม่ค่อยมีชนในสนามใหญ่ ๆ มากนัก เนื่องจากการชนเดิมพันแพง ๆ ไก่เก่งอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องอาศัยกระดูกและโครงสร้างที่ดีด้วย เพราะไก่ที่มาชนในสนามใหญ่ ๆ ล้วนเป็นไก่เก่งกันทั้งนั้น ดังนั้นไก่ที่ออกชนต้องเป็นไก่ที่ครบเครื่องจริงๆ
ไก่พม่าที่มีความฉลาด รวดเร็ว ปากเร็ว ดีเร็ว มีเหลี่ยมถอดถอย ซึ่งเป็นที่ผู้เลี้ยงนิยมเช่นกัน แต่ทว่าด้วยกระดูกค่อนข้างเล็ก เมื่อนำมาชนกับไก่เชิงของไทย อย่างเช่น ป่าก๋อยหรือพันธุ์อื่น ๆ ถ้าหากโดนตีเหมาะ ๆ สัก 2-3 ครั้ง ก็หักได้เลย เมื่อหักแล้วก็หมดทางสู้ ผู้เลี้ยงจึงนำพันธุ์ไซ่ง่อนมาพัฒนา เป็นลูกผสม พม่า+ไซ่ง่อน เพื่อให้โครงสร้างดีขึ้น พอนำมาตีกับไก่เชิงไทย โดนตีไปก็ไม่ยุบหรือหักง่าย และพอโต้กันไปมาเรื่อย ๆ ไก่ไทยสู้ไม่ได้และแพ้ในที่สุด ไก่ไทยจำเป็นต้องนำไซ่ง่อนมาพัฒนาเรื่องโครงสร้างความอดทน เสริมลูกหนัก เช่น ลูกผสม ป่าก๋อย+ไซ่ง่อน ซึ่งการพัฒนาพันธุ์ต้องแข่งขันกันอยู่ตลอดเช่นกัน
แน่นอนว่าทุกคนต่างต้องมุ่งพัฒนาไก่ของตัวเองหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ สายพันธุ์ไหนเก่งด้านอะไร มีข้อดีตรงไหนก็นำมาใช้คล้าย ๆ กันหมด ถ้าจัดการให้มีระดับสายเลือดที่เหมาะสมได้ พร้อมกับมีการคัดเลือกที่ดี ก็ทำให้มีไก่ที่เก่งกาจมากกว่าคนอื่น ๆ เช่น หากผสมพันธุ์ออกมาแล้วมีระดับสายเลือดของไซ่ง่อนมากเกินไปอาจะทำให้มีความเชื่องช้า
อย่างไรก็ดี ไก่ชนที่มีการพัฒนาพันธุ์อย่างต่อเนื่องก็ทำให้พิสูจน์ทราบได้ค่อนข้างยากว่ามีสายเลือดของสายพันธุ์อะไร ในระดับไหนบ้าง ทำให้ผู้เลี้ยงหรือผู้พัฒนาพันธุ์มุ่งไปให้ความสำคัญกับฝีมือและเชิงชนของไก่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกผสมสายพันธุ์ไหน ระดับเลือดเท่าไหร่ ก็ต้องมาทดสอบให้เห็นกับตาว่า เป็นไก่เก่งหรือไม่ ชั้นเชิงเป็นอย่างไร ก่อนที่ตัดสินใจซื้อเข้ามาเลี้ยงและใช้เป็นพ่อพันธุ์ เพาะขยายพันธุ์ต่อไป