หมออูเล่าว่า เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน สมัยที่สนามชนไก่โบนันซ่า ปากช่องเขาใหญ่ยังเปิดอยู่ ถือเป็นสนามชนไก่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในขณะนั้น ไก่ชนตัวเก่ง ๆ ที่ชนะสวย ๆ จากที่นี่ ที่ฟาร์มจะซื้อเข้ามาใช้เป้นพ่อพันธุ์ โดยให้ราคาอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท สมัยนั้นก็ถือว่าแพงมากแล้ว เพราะชาวบ้านหรือผู้เลี้ยงไก่ชนทั่วไปไม่กล้าซื้อไก่ชนในราคาสูงเช่นนี้ เต็มที่อยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท เท่านั้น ที่ฟาร์มจึงเป้นผู้ซื้อรายแรก ๆ ที่ตั้งราคาไก่ชนสูงขนาดนี้
“มีครั้งหนึ่ง ไก่เก่งของทางจังหวัดเลย ซึ่งแอ็ด คาราบาว นำมาชนที่สุพรรณบุรี ถือว่าเป้นไก่ที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว ชื่อว่า “ดอกไม้ไฟ” และหลังจากชนไฟท์สุดท้ายแล้วเสร็จแอ๊ด คาราบาวก็ได้นำมาให้ที่ฟาร์มใช้เป็นพ่อพันธุ์ ซึ่งใช้อยู่ประมาณ 3-4 เดือน ก็นำไปคืน แต่ลูกของดอกไม้ไฟที่เกิดมา อายุได้ 9-10 เดือน ก็นำมาปล้ำดูปรากฎว่าเก่งมากเกือบทุกตัวด้วย จึงไปติดต่อขอซื้อขาดจากเจ้าของเดิม โดยให้ราคาสูงถึง 300,000 บาท ซึ่งถือเป็นไก่ชนที่มาราคาแพงที่สุดในสมัยนั้น และถือเป็นไก่ชนตัวแรกที่มีราคาสุงมากขนาดนี้”
หมออูบอกว่า เจ้าดอกไม้ไฟซื้อมาราคา 300,000 บาทก็นำมาใช้เป็นพ่อพันธุ์ โดยลูกไก่ที่เกิดมาอายุ 2-3 เดือน ได้ตั้งราคาจำหน่ายคู่ละ 5,000 บาท ซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน ลูกไก่ราคาเท่านี้ถือว่าแพงมากและแพงที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไก่ชนตัวเก่ง ๆ ชนะมา 2-3 รอบ ราคาซื้อขายกันไม่เกิน 30,000 บาท เท่านั้นแต่นี่แค่ลูกไก่ ขายถึงคู่ละ 5,000 บาท ซึ่งสร้างความฮือฮาให้นักเลงไก่ชน หรือ เซียนไก่ชนเป็นอย่างมาก
เมื่อเริ่มมีผลผลิต ลูกเจ้าดอกไม้ไฟออกมาก็ได้ลงโฆษณาจำหน่าย ปรากฎว่ายอดจองรอบแรกมีมากถึง 100 คู่ ทำให้สามารถจำหน่ายลูกของเจ้าดอกไม้ไฟครั้งนั้นได้ถึง 500,000 บาท และในปีแรกที่ซื้อเจ้าดอกไม้ไฟมานั้นสามารถผลิตและจำหน่ายลูกไก่รวมได้มากกว่า 1 ล้านบาท และในปีต่อมาได้เพาะลูกของเจ้าดอกไม้ไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้สามารถจำหน่ายได้สร้างรายได้มาอีก 2 ล้านบาทก่อนที่จะปลดระวาง รวมเวลาใช้เป็นพ่อพันธุ์ผู้ประมาณ 2 ปี สามารถสร้างรายได้รวมถึง 3 ล้านบาท หรือประมาณ 10 เท่าของราคาที่ซื้อเข้ามา ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ที่สำคัญลูกหลานของเจ้าดอกไม้ไฟยังคงให้ผลผลิตที่ดี สามารถใช้ต่อยอดในการพัฒนาสายพันธุ์มาได้ถึงทุกวันนี้อีกด้วย
การซื้อขายไก่ชนในราคาแพง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อต้องการไก่ไปชนกินเดิมพันกันเท่านั้น หากแต่เป้นความต้องการสายพันธุ์ที่ดีมาเพื่อเพาะลูกไก่จำหน่าย ที่เป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ที่ดีจากการเลี้ยงไก่ชน ซึ่งราคายิ่งสูงนั้นหมายความว่าเป็นไก่ที่เก่ง ชนะมาหลายสนามก็ยิ่งจำหน่ายลูกได้ในราคาแพง
ไก่ชนจึงนับเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งเกษตรกร หรือชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงและมีรายได้ที่ดีจากตรงนี้ เพราะไก่ชนเป็นสัตว์เศรษฐกินที่เพิ่มมูลค่าได้ด้วยตัวของมันเอง แทนที่เกษตรกรจะเลี้ยงเป็นไก่บ้าน หรือไก่พื้นเมืองธรรมดา จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 80-100 บาท เพียงแค่เกษตรกรเรียนรู้เรื่องของพันธุกรรมเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แล้วนำไก่สายพันธุ์ที่ดีมาเลี้ยง จากไก่พื้นเมืองธรรมดาก็พัฒนามาเป็นไก่ชน ซึ่งใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-9 เดือน เท่ากัน แต่สามารถจำหน่ายได้ 3,000-5,000 บาท เป็นอย่างต่ำ และหากนำไปปล้ำดูเชิงสัก 2-3 ครั้ง ราคาก็อาจขยับขึ้นมาเป็น 10,000-15,000 บาท เลยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของไก่ และความพอใจของผู้ซื้อ
“ผู้ที่อยู่ในแวดวงไก่ชนอยู่แล้ว ซึ่งเข้าใจว่าการเพราะพันธุ์ไก่ชนสามารถสร้างรายได้กลับมาได้อย่างไร จึงกล้าที่จะลงทุนซื้อพ่อพันธุ์ไก่ชนตัวเก่ง ๆ ที่มีราคาแพงเป็นหลักล้านมาเลี้ยง เพราะหากไก่มีสายเลือดที่ดี ลูกเกิดมาย่อมจำหน่ายได้ในราคาที่สูงตามไปด้วย อย่างในอดีตเจ้าดอกไม้ไฟ ราคาสูงถึง 300,000 บาท ซึ่งแพงที่สุดในเวลานั้น แต่เมื่อมีผลผลิตออกมาก็สามารถจำหน่ายสร้างรายได้กลับคืนมาได้เป็น 10 เท่า แต่สมัยนี้ไก่ชนที่มีราคาสูงที่สุดอยู่ที่ตัวละ 4 ล้านบาท เมื่อนำมาเพราะพันธุ์จำหน่าย เชื่อว่าสร้างรายได้ให้มากกว่า 10 เท่า อย่างแน่นอน เนื่องจากลูกไก่ของตัวดังกล่าว จำหน่ายคู่ละ 10,000 บาท ซึ่งผลผลิตที่จะได้ในปีแรก ก็ทำให้ได้ทุนและกำไรกลับมาแล้ว”
สำหรับเกษตรกรทั่วไป หรือผู้เลี้ยงมือใหม่ที่สนใจเพาะเลี้ยงไก่ชนเป็นอาชีพเสริม ไม่จำเป้นต้องลงทุนซื้อพ่อไก่ราคาแพงมาเลี้ยง อาจซื้อลูกของไก่ตัวแพงมาเลี้ยงแทน ราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณคู่ละ 10,000 บาท ซึ่งเก็เป้นพันธุกรรมที่ดีเช่นกัน และเมื่อเลี้ยงได้สัก 9-10 เดือน ก็สามารถนำมาเพาะขยายพันธุ์ต่อได้ ซึ่งลูกที่เกิดมาอาจตั้งราคาไว้ประมาณ 1,500 -2,000 บาท ไม่นานก็ได้ทุนกลับคืนมาแล้ว จากนั้นค่อย ๆ พัฒนาสายพันธุ์และปรับราคาจำหน่ายให้สูงขึ้นได้
“เกษตรกรหรือผู้เลี้ยงไม่ต้องกังวลว่า เพาะไก่ชนมาแล้วจะขายไม่ได้ ถ้าหากเลือกพันธุกรรมที่ดีมาใช้ย่อมเป้นที่ต้องการอย่างแน่นอน เนื่องจากการเลี้ยงไก่ชนจำเป้นต้องมีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่ตลอด จะอยุ่นิ่งๆ ไม่ได้เลย ผุ้เลี้ยงแต่ละรายจึงต้องเสาะแสวงหาไก่เก่ง ๆ จากแหล่งอื่น ๆ มาใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์อยู่เสมอ ยิ่งปัจจุบันความต้องการไก่ชนแต่ละแห่งมีมากขึ้น ถ้าเราผลิตสายพันธุ์ดี ๆ ออกมา ย่อมเป็นที่ต้องการและจำหน่ายได้อย่างแน่นอน”