นอกจากสายพันธุ์แล้ว สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องพิจารณาก็คือ “เหล่า” หรือแหล่งที่หรือเชื้อสายของไก่ตัวนั้น หากเป็นไปได้ต้องรู้ถึงพ่อแม่ว่ามีเชื้อสายมาจากไหน มีประวัติการชนเป็นอย่างไร เพราะลักษณะการชน เชิงชน ความเก่งกาจ รวมทั้งถึงหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ เป็นลักษณะที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม จึงเป็นที่มาของไก่ชนราคาแพงในปัจจุบัน เพราะผู้ซื้อก็ต่างมุ่งหวังว่า ลูกไก่ที่เพาะออกมาจะมีความเก่งเช่นเดียวกับเหล่าของมัน ซึ่งผู้เพราะเลี้ยงไก่ชนก็ให้ความสำคัญในเรื่องของเหล่าและสายพันธุ์พอ ๆ กัน
อย่างความนิยมไก่ชนในปัจจุบัน ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นลูกผสมที่มีสายเลือดไปทาง ป่าก๋อย+ไซ่ง่อน ทั้งนี้เพื่อดึงลักษณะเด่นของทั้งสองพันธุ์ออกมา เพราะโดยทั่วไปแล้วไก่ป่าก๋อยเป็นไก่ที่ปากเร็ว กัดตี จับตี จับตรงไหนตีตรงนั้น กัดบ่าตีตัว แต่ทว่ามีข้อด้อยเรื่องของโครงสร้าง เป็นไก่กระดูกเล็ก เมื่อถูกคู่ต่อสู้ตีจะยุบเร็ว ดังนั้นต้องนำไซ่ง่อน ซึ่งเป็นไก่กระดูกใหญ่ โครงสร้างดี ตีแรง ตีเจ็บ เข้ามาผสม ก็ทำให้ลูกที่ออกมามีลักษณะดี โครงสร้างดี มีเชิงชนดี ครบเครื่อง เป็นไก่ชนตามที่ผู้เลี้ยงต้องการ
ยกตัวอย่าง “มณีแดง” ซึ่งเป็นไก่ชนที่ดีเดิมพันรวมสูงสุดถึง 22 ล้านบาท ก็เป็นไก่ชนลูกผสม ป่าก๋อย+ไซ่ง่อน เช่นกัน เป็นไก่ชนที่ดังมาก ถือเป็นเบอร์ 1 ของไทยในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เริ่มแรกไก่ตัวนี้อยู่ที่จังหวัดมหาสารคามแล้วนำมาชนที่สนามชนไก่มหาลาภ โดยชนะเงินเดิมพันไป 200,000 บาท แต่เป็นการชนะที่ค่อนข้างสวยงาม ซุ้มจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงขอซื้อไปในราคาประมาณ 500,000 บาท จากนั้นได้นำไปชนกับไก่ดังจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่สนามเทิดไท ซึ่งเดิมพันรวม 22 ล้านบาท โดยชนชนะไปในยกที่ 2 เท่านั้น ทำให้เวลานั้นมณีแดงเป็นไก่ที่ดังมาก และลูกของมณีแดงก็เป็นที่ต้องการมากด้วยเช่นกัน
ทางซุ้มจำหน่ายลูกของมณีแดง อายุ 2-3 เดือน ราคาคู่ละ 13,000 บาท ผู้ที่ต้องการต้องจองล่วงหน้ากัน 1-2 เดือน ซึ่งมณีแดงเอง นอกจากเป้นไก่ชนที่เก่งแล้ว ยังให้ลูกที่ดีด้วย ขณะนี้ก็เริ่มมีลูกของมณีแดงออกชนตามสนามต่าง ๆ และชนะบ้างแล้ว ก็ยิ่งทำให้เป้นที่ต้องการมากขึ้น คาดว่าทางซุ้มสามารถขายลูกของมณีแดงได้เดือนละหลายแสนบาท เพราะพ่อไก่ตัวหนึ่งสามารถผสมกับแม่ได้ถึง 10 ตัว / เดือน ดังนั้นจะได้ลูกประมาณ 70 ตัว / เดือน เป็นอย่างต่ำ หากจำหน่ายคู่ละ 13,000 บาท จะทำให้มีรายได้ประมาณ 455,000 บาท / เดือน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้เพาะเลี้ยงไก่ชนส่วนใหญ่ต่างให้ความสำคัญกับเหล่าไก่อย่างมาก
อย่างที่ “ไร่แสงดาว” ได้ซื้อไก่ชนตัวหนึ่งมาจากชาวบ้านในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นไก่ชนที่เลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ตอนเล็ก ๆ ปล่อยหากินในไร่มันสำปะหลัง แต่ทว่าซื้อมาในราคา 150,000 บาท เพราะเห็นฝีเท้าแล้วว่า เป็นไก่ที่ตีหนัก ตีแรง ตีคู่ต่อสู้ทีเดียวหลังปูดบวมออกมาเลย ผู้เพาะพันธุ์มองว่าหากนำมาชนกับไก่สายพันธุ์พม่า ตีเหมาะ ๆ ไม่เกิน 10 ที พม่าสู้ไม่ได้อย่างแน่นอน และถ้าเลี้ยงดี ๆ ตีเดิมพันหลักล้านได้เลยทีเดียว
แต่นอกจากเรื่องของฝีเท้าแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อมาในราคาถึง 150,000 บาท เป็นเพราะว่า เมื่อสืบกลับไปพบว่าไก่ตัวดังกล่าวเป็นลูกหลานของไก่ไซ่ง่อนที่ซีพีนำมาพัฒนาพันธุ์ไก่ของไทย เมื่อหลายปีก่อน และเป็นตัวที่มีประวัติการชนที่ดีด้วย จึงเป็นเหมือนกับการซื้อเหล่าของตัวเองกลับคืนมา รู้แน่ชัดว่าเหล่าดี ฝีเท้าดี จึงมีราคาแพง ตอนนี้ดูแค่เพียงว่าจะให้ลูกออกมาเก่งด้วยหรือเปล่า เพราะตอนซื้อมากำลังจะถ่ายขนพอดี จึงนำมาใช้เป็นพ่อพันธุ์ก่อน กว่าจะถ่ายขนแล้วเสร็จใช้เวลา 6-7 เดือน ซึ่งลูกชุดแรกก็โต เริ่มนำมาครอบสุ่ม และทดสอบฝีเท้าได้แล้ว ถ้าออกมาดี ให้ลูกเก่ง ก็จำหน่ายลูกไก่คู่ละ 5,000 บาท ได้ 20-30 คู่ หรือขายไก่หนุ่มสัก 10-20 ตัว ก็ได้ทุนคืนแล้ว
สิ่งที่ทำให้ต้องให้ความสำคัญกับเหล่าของไก่ชน ก็เป็นเพราะว่าการเพาะไก่ชนต้องระวังเรื่องหัวจิตหัวใจของไก่ด้วย ฝีเท้าสามารถทดสอบหรือปล้ำดูได้ไม่ยาก แต่ทว่าหัวจิตหัวใจจะรู้ก็ต่อเมื่อนำไปออกชนแล้วเท่านั้น เมื่อก่อนที่ไร่แสงดาวเคยซื้อพ่อไก่ตัวหนึ่งมา เป็นไก่ที่เชิงชนดี ตีเก่งมาก ราคาตัวละ 200,000 บาท เอามาทำเป็นพ่อพันธุ์ ซึ่งก็ได้ลูกออกมาแล้วนำมาออกชน ซึ่งก็ตีดี เป็นต่อคู่ต่อสู้ถึง 10 ต่อ 1 แต่ทว่าตีไปตีมา เอาคู่ต่อสู้ไม่ลง ก็ยอมแพ้ไปเองเสียดื้อ ๆ ทำให้ต้องโละลูกพันธุ์ของไก่ตัวนี้ทิ้งไปทั้งหมด จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องให้ความสำคัญกับ “เหล่า”