เผย!! การเลี้ยงไก่ชน “สร้างเงินล้าน”

หน้าแรก »ซุ้มไก่ชน » เผย!! การเลี้ยงไก่ชน “สร้างเงินล้าน”

คุณพรชัย  พานทอง  หรือ  หมออู  ผู้จัดการฟาร์มไก่ชน “ไร่แสงดาว”  จังหวัดนครราชสีมา  ได้แชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่าในอดีตการเลี้ยงไก่ชนค่อนข้างแคบ  จำกัด อยู่ในเฉพาะผู้ชื่อชอบจริงๆ ซึ่งในตำบลหรืออำเภอหนึ่งจะมีผู้เลี้ยงอยู่เพียงไม่กี่ราย  และเมื่อนำไปออกชนก็จะเลือกสนามที่ตัวเองรูักและอยู่ไม่ไกลมานัก  ทำให้มีมุมมองในการเลี้ยงไม่ค่อยกว้างไกลนัก  การพัฒนาพันธุ์ไก่ชนของแต่ละคนจึงเป้นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

แต่ในช่วงประมาณสัก  5-6  ปีมานี้  ด้วยระบบการสื่อสารผ่านทางออนไลน์ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทั้งแอพพลิเคชัน ไลน์ เฟซบุ๊ค รวมทั้งยูทูป  ซึ่งมีความสำคัญกับวงการไก่ชนอย่างมาก  เพราะทำให้ผู้ที่เลี้ยงไก่ชนแต่ละพื้นที่สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร และความเคลื่อนไหวด้านไก่ชนได้ตลอดเวลา  สนามไหนตีเดิมพันเท่าไหร่  ไก่ตัวไหนจากซุ้มอะไรเป็นฝ่ายชนะ  และชนะแบบไหนสามารถรับรู้ได้ทันที  ผู้เลี้ยงก็มีวิสัยทัศน์และมุมมองกว้างขึ้น  กระตุ้นให้ต้องเร่งพัฒนาสายพันธุ์ไก่ชนของตนเอง  เพื่อที่จะได้สู้กับคนอื่น ๆ ได้  หรือพัฒนาไปตามแนวทางที่ตลาดกำลังให้ความสนใจ  โดยการติดต่อขอซื้อลูกพันธุ์จากไก่ตัวที่เห็นว่าดีหรือที่ชนะมา หรือถ้ามีทุนมากหน่อยก็ซื้อตัวที่ชนะนั้นมาเลยก็ได้  ทำให้สามารถพัฒนาพันธุ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน  การชนไก่แต่ละครั้ง ของแต่ละสนาม  โดยเฉพาะสนามใหญ่ ๆ นอกจากมีผู้ชนในสนามแล้ว  ยังมีการถ่ายยทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊ก  โดยเพจต่างๆ ที่เกี่ยวกับไก่ชน  ทำให้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถติดตามได้  ซึ่งบางครั้งไม่เฉพาะแค่ในประเทศเท่านั้น  กล่าวได้ว่าเห็นไปทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ  ตรงนี้นี่เองเป้นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อของตามมา  ไก่ตัวไหนที่เก่ง หรือตีเข้าตา  ผู้สนใจก็สามารถติดต่อได้ทันที  ส่งผลให้วงการไก่ชนมีความคึกคักมากขึ้น

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วงการไก่ชนดูคึกคักมากขึ้นและไม่กระจุกอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเหมือนอย่างอีดนั้นเป้นเพราะว่าระเบียบของกระทรวงมหาดไทย  กำหนดให้แต่ละสนามสามารถเปิดชนไก่ได้เดือนละ 2 ครั้ง  ทำให้แต่ละสนามเลือกเปิดในวันที่ไม่ตรงกัน  อย่างเช่นสนามชนไก่มหาลาภ  สนามชนไก่ขนาดใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา  เปิดเฉพาะวันเสาร์ที่  1  และวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน  ซึ่งก็มีไก่มาชนกันใน 2 วันนี้เท่านั้น  สนามอื่น ๆ ก็เลือกเปิดวันอื่นหมุนเวียนกันไป

ที่สนามเทิดไท  กรุงเทพฯ  ซึ่งถือว่าเป็นสนามชนไก่ที่ใหญ่และผู้คนให้ความสนใจเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ  เมื่อก่อนเปิดชนได้ทุกสัปดาห์  รวม 4  ครั้ง ต่อเดือน  เหล่าบรรดาเซียนไก่และซุ้มต่างๆ  ก็จ้องที่จะมาชนไก่กันที่สนามแห่งนี้  เพราะเป็นสังเวียนใหญ่ที่ผู้คนให้การยอมรับ  ไก่ที่มาชนะที่นี่ได้ก็ทำให้มีชื่อเสียง  เป็นที่รู้จัก  ทั้งตัวไก่เอง และซุ้มที่เลี้ยง  ที่สำคัญไก้ค่าตัวที่สูงขึ้นด้วย  และยิ่งถ้าชนะสวย ๆ ต่อหน้าคนจำนวนมาก  ก็ทำให้มีราคาค่าตัวที่เพิ่มขึ้นมาก  ส่งผลให้สนามเล็กๆ ตามต่างจังหวัด  ไม่ค่อยมีไก่เข้าไปชนมากนัก

แต่ปัจจุบันสนามเทิดไท  เปิดชนเพียงเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น  คือ  วันอาทิตย์ที่  1  และวันอาทิตย์ที่  3  ของเดือน  สนามอื่น ๆ ที่เปิดชนไม่ตรงกันก็ทำให้มีไก่เข้ามาชน  สนามเล็ก ๆ จึงกลับมาได้รับความนิยมขึ้นมาอีกครั้ง  เพราะมีไก่เข้ามาชนสลับกับสนามใหญ่ตลอด  และสนามเล็ก ๆ เหล่านี้นี่เอง  ก็เป็นเหมือนสังเวียนคัดเลือกไก่เก่งแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด  พอชนะสัก 2-3 ครั้งที่สนามเล็ก ๆ ก็ถูกดันให้ขึ้นมาชนที่สนามใหญ่ด้วยเงินเดิมพันที่สูงขึ้น

ในแต่ละสัปดาห์ สนามชนไก่ใหญ่ ๆ มีไก่เข้ามาชนไม่ต่ำกว่า  30-40  คู่  หากไก่ตัวไหนที่ชนะสวย ๆ ด้วยเงินเดิมพันแพง ๆ ก็จะมีชื่อเสียงและเป้นที่กล่าวถึงอย่างรวดเร็วที่สำคัญเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ทำให้มีราคาสูงขึ้น  ซึ่งแต่ละเดือนจะมีไก่ชนที่ชนะแล้วได้ค่าตัวหลักล้านอยู่ตลอด  อย่างช่วงเดือนที่ผ่านมา  (มกราคม 2560)  ที่สนามชนไก่เทิดไทมีไก่ชนราคาหลักล้านเกิดขึ้นถึง 2  ตัว  ซึ่งตัวหนึ่งเป้นไก่มาจากจังหวัดชลบุรี  ถูกซื้อไปจันทบุรี  ถูกซื้อไปในราคา 2.5 ล้านบาท  และอีกตัวหนึ่งเป็นไก่ชนจากจังหวัดจันทบุรี  ซึ่งมีคนซื้อไปในราคา 1.2 ล้านบาท  ตรงนี้ก็เป้นสิ่งบ่งชี้ถึงกระแสความนิยมและพัฒนาการไก่ชนของไทยได้เป็นอย่างดี