การดูลักษณะการต่อสู้ หรือวิธีการต่อสู้ของไก่ชนนั้นมีหลายแบบ มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันออกไปตามท้องถิ่น แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ “ไก่ตั้ง” เป็นไก่ที่ต่อสู้โดยวิธีเข้าปะทะโดยตรง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไก่บุก หรือ ไก่ฉะ ลักษณะการต่อสู้ของไก่ประเภทนี้เวลาต่อสู้กัน ไก่จะยืนตรง หน้า คอ อก ยืด อยู่ในแนวเดียวกัน จะเดินหน้าบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้ ทั้งจิกตี และเตะแลกกัน ตัวใดตีแม่น ตีบ่อย ตีหนัก และมีแรงปะทะดีก็จะได้เปรียบและชนะในที่สุด ไก่ตั้งมีเชิงตีแยกออกเป็น 4 แบบ ดังนี้
- ตั้งโด่โจ้ตีกัน คือยืนตรงโด่ เดินบุกเข้าจิกตีกันและกัน ใครตีแม่น ตีหนัก หรือตีถูกที่สำคัญกว่าก็จะชนะไป
- แปะคอเปลี่ยนหน้าตี ไก่ตั้งพวกนี้จะเอาหัวของมันแปะเข้าไว้ที่ต้นคอของคู่ต่อสู้ ทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา พอได้จังหวะก็จิกสร้อยคอหรือหนังคอคู่ต่อสู้พร้อมกับกระโดดตี
- กล่อมกระหม่อมตี โดยเอาคางทับหัวคู่ต่อสู้ให้ต่ำลงแล้วถือโอกาสกระโดดตี ถ้าไม่ได้จังหวะก็เอาคางกดหัวแล้วจิกกระหม่อมหรือคอ หน้าหรือที่อื่น ๆ แล้วตี
- ตีสาดหรือไก่หน้าหงอนตีนเปล่า เป็นไก่ที่บุกตีห่าง ๆ ตัวโดยไม่ต้องจิกคู่ต่อสู้และไม่ยอมให้คู่ต่อสู้เข้าถึงตัว เป็นไก่ตีเร็ว ตีบ่อย ถ้าถูกที่เหมาะ ๆ บ่อยครั้ง คู่ต่อสู้จะหมดกำลังหรือพ่ายแพ้ได้ นับเป็นยอดของไก่ตั้งหรือไก่ฉะทีเดียว
“ไก่เชิง” เป็นไก่ที่ไม่ชอบเข้าแลกตีกันเหมือนไก่ตั้ง แต่จะใช้ชั้นเชิง ลวดลายของมันเอาเปรียบคู่ต่อสู้ โดยมันได้ตีเพียงฝ่ายเดียว หรือได้ตีมากกว่าคู่ต่อสู้แยกออกเป็น “เชิงมัด” เป็นไก่ที่มักมุดหัวเข้าไปไต้ปีกคู่ต่อสู้ พร้อมกับหมุนตัวไปเทียบ จิกหัวคู่ต่อสู้ดึงและกดลงแล้วตี ทำให้คู่ต่อสู้ทำอะไรมันไม่ได้ ถ้าคู่ต่อสู้ “เชิงกอด” มันจะใช้คอของมันกอดทับคอคู่ต่อสู้ โดยโผล่หัวออกไปอีกด้านหนึ่งของหน้าคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้ต้องบิดหน้าแว้งไปจิกมันเพราะคอมันปิดอยู่ เมื่อได้จังหวะมันก็ตีคู่ต่อสู้ได้อย่างสบาย
เท้าบ่า เป็นไก่ที่ชอบเข้าวงในแล้วตีในระยะประชิดตัว โดยจิกที่บ่าหรือไหล่คู่ต่อสู้แล้วกระโดดตีแต่ส่วนมากมักเป็นไก่ที่ตีลำตัว ลักษณะการตีแบบนี้สามารถแก้ไก่เชิงลง เชิงกอด และเชิงมัดได้ “หน้ากระเพาะ” เป็นไก่ที่ชอบจิกที่กระเพาะคู่ต่อสู้แล้วตีบางตัวตีลำตัว บางตัวตีหน้า และตีด้านข้างก็มี ลักษณะการตีแบบนี้จะได้เปรียบไก่ตั้งและไก่ที่สูงกว่ามัน “จุ่มคาง” ไก่พวกนี้ชอบจิกคางคู่ต่อสู้กดไม่ให้เงยหน้าได้แล้วกระโดดตี การตีแบบนี้ได้เปรียบไก่ตั้งมาก
นอกจากนี้ลวดลายการต่อสู้ของไก่ชน ยังแบ่งออกตามระยะใกล้ไกล และการตีบนตีล่างของไก่แต่ละตัวได้ดังนี้
“ตีประชิดตัว” เป็นไก่ที่ชอบเข้าตีวงใน โดยรุกประชิดติดพันคู่ต่อสู้ตลอดเวลา เมื่อได้โอกาสจึง กระโดดตีในระยะใกล้ ๆ บางทีเรียกว่า “ไก่ชิด”
“ตีห่างตัว” เป็นไก่ที่ใช้อาวุธยาว เช่น แข้ง ปีก และ เดือยเข้าทำคู่ต่อสู้ ถ้าตีแม่น ลำหนักก็จะชนะกันเร็ว ไก่ที่ใช้ลวดลายแบบนี้เรียกว่า “ไก่ห่าง”
“ไก่ล่าง” เป็นไก่ที่ชอบจิกตีส่วนล่างของคู่ต่อสู้ นับตั้งแต่ต่ำกว่าช่วงไหล่ลงไป เช่น ลำตัว อก โคนขา เรียกว่า “ไก่ล่าง”
“ตีบน” เป็นไก่ที่ชอบทำร้ายคู่ต่อสู้เฉพาะตอนบนของลำตัวตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไป เช่น ซอกคอ หัว และหน้า เรียกว่า “ไก่บน”
“ตีกลาง” ไก่พวกนี้ชอบจิกตีหรือลงเดือยคู่ต่อสู้บริเวณกลางตัว ระหว่างช่วงไหล่ลงมาถึงบริเวณข้าง และอก เรียกว่า “ไก่กลาง”
“ตีแบบก้มต่ำ” เป็นไก่ชนที่มีนิสัยชอบก้มหัวลงให้คู่ต่อสู้แล้วโผล่แอบขึ้นหาทางจิกตี ถ้ายังไม่มีโอกาสตีก็มุดหัวอยู่ใต้ปีกบ้างท้องบ้าง บางทีก้มหัวลอดท้องคู่ต่อสู้ไปโผล่ออกด้านหลัง ถ้าคู่ต่อสู้เผลอก็จะถือโอกาสจิกตี ชั้นเชิงการตีว่องไวดี และปากเหนียวจับไม่ยอมปล่อย เมื่อคู่ต่อสู้อ่อนกำลังลงมันจึงจะขึ้นมาขยุ้มจิกตีเอาเรียกว่า “ไก่ลง”
ไก่ลงบางตัวมีเชิงเด็ดเหมือนกัน เช่น มุดเข้าใต้ปีกแล้วจิกเนื้อที่ใต้ปีกตี จิกขาด้านในตี หรือจิกข้อขาตีก็มี แบ่งชั้นเชิงของไก่ลงออกเป้น ลงมัด ลงกอด เล็ดลอดและซุ่มซ่อน ซึ่งไก่ลงนี้สร้างความพ่ายแพ้ให้ไก่ตั้งหือไก่เชิงอื่น ๆ มานักต่อนักแล้ว
ยอดปรารถนาของการชนไก่อยู่ที่ต้องชนะคู่ต่อสู้การจะชนะคู่ต่อสู้ได้นั้นจะต้องตีให้คู่ต่อสู้กลัวและวิ่งหนีร้องไป ดังนั้นไก่ชนถึงจะมีชั้นเชิงดีเพียงใด ก็จำเป็นจะต้องมีทีเด็ดอยู่ที่การตีแม่นคือ ตีแล้วถูกจุดสำคัญ ตีเจ็บปวด คือเมื่อถูกแล้วให้คู่ต่อสู้แสดงอาการเจ็บปวด หรืออ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด และตีให้กลัวคือคือตีถูกเข้าเพียง 2-3 ครั้ง ให้คู่ต่อสู้แสดงอาการท้อแท้หรือเข็ดขยาดออกมาให้เห็นทันที จึงจะเป็นไก่ชนที่สร้างความพ่ายแพ้ให้แก่คู่ต่อสู้ได้