ไก่พม่ามีความคล่องแคล่วและปราดเปรียวสูง แม้จะนำมาเลี้ยงก็ยังมีความปราดเปรียวอยู่ ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ที่ชื่นชอบไก่พม่า เพราะไก่พม่ามีลูกตีที่แม่นยำ ใช้เดือยจัด ซึ่งบางครั้งไก่พม่า เพราะไก่พม่ามีลูกตีที่แม่นยำ ใช้เดือยจัด ซึ่งบางครั้งไก่พม่าเสียเปรียบถึง 3:2 ก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
จุดเด่นของไก่พม่า
1. ไก่พม่าเป็นไก่ที่หลบหลีกเก่ง ไม่ค่อยเข้าเกี้ยว ซึ่งลีลาของไก่พม่ามีด้วยกนหลายลักษณะ เช่น โยก ถอด หัวตี ถอยสาดแข้งเปล่า ม้าล่อพาคู่ต่อสู้วิ่งและหนุนหน้าคาง ซึ่งลีลาเหล่านี้เป็นของพม่าแท้ ๆ จะเป็นเอกลักษณ์ของไก่พม่าก็ว่าได้
2. บินดี สาดแข้งเปล่า แม่นยำ ใช้เดือยจัด ไก่พม่า ส่วนใหญ่จะบินดี แต่ละยกเป็นร้อย ๆ ครั้ง ซ้ำยังมีลูกสาดแข้งเปล่าที่หนักหน่วง พร้อมกับการตีแต่ละครั้ง จะใช้ทั้งเดือยและแข้งผสมกันไป ข้อได้เปรียบของไก่พม่าคือ ลูกสาดแข้ง เพราะไม่ต้องใช้ปากจิกตีเหมือนไก่ไทยและไก่ไซ่ง่อน
3. ขนปีกยาว และเหนียวกว่าไก่สายพันธุ์อื่น ๆ ปีกของไก่พม่าจะคล้าย ๆ ปีกของไก่ป่า จึงไม่แปลกที่ไก่พม่าจะบินตีคู่ต่อสู้ได้บ่อยและเร็วกว่าไก่ไทยและไก่ไซ่ง่อน ลักษณะปีกไก่พม่าที่ยาวนับเป็นคุณสมบัติที่ดีอย่างยิ่ง ต่อการบินตีขณะมีการต่อสู้กัน นอกจากบินดีแล้วยังมีความเหนียวไม่เปราะหักง่าย ๆ เพราะมีใยปีกที่ละเอียดกว่าไก่สายพันธุ์อื่น ๆ
4. วางแผลได้แม่นยำ ความแม่นยำถือได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของไก่พม่า เพราะไก่พม่าตีแผลที่มีผลแพ้ชนะได้เร็ว อย่างเช่น แผลคอเชือด วงแดง หูตาและกรามความแม่นยำในการออกอาวุธนี้เองที่มีเสน่ห์พร้อมกับความนิยมของเซียนไก่ทั่ว ๆ ไป ทั่วประเทศไทยเลยก็ว่าได้
5. ไก่พม่ามีก็อก 2 ก็อก 3 ถึงแม้ไก่พม่าจะถูกคู่ ต่อสู้ตีหักชักดิ้นชักงอ ล้มคว่ำล้มหงายก็ยังมีก๊อก 2 ก็อก 3 สามารถลุกขึ้นมาสู้กับคู่ต่อสู้ได้ด้วยการคิดแข้งเปล่า บางครั้งลูกดีดของไก่พม่ามักจะได้ผล เพราะคู่ต่อสู้ยังไม่ทันตั้งตัวอาจะเข้าหู เข้าตา แม้เป็นรอง 8:1, 10:1 ก็สามารถกลับมาชนะได้ก็มีให้เห็นบ่อยครั้งตามสนามชนทั่ว ๆ ไป
จุดด้อยของไก่พม่า
“โครงสร้างกระดูกเล็ก” ไก่พม่ายังมีเชื้อสายของไก่ป่าเหลืออยู่ จึงทำให้มีความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวและโครงสร้างของกระดูกเล็ก รอยเล็ก บางครั้งถ้าหากเจอคู่ต่อสู้ตีลำโต ๆ พอโดนหนัก ๆ ไม่กี่ทีอาจจะหักได้
“ยืนดันไม่แน่น ล้มง่าย” เมื่อเห็นลีลาของไก่พม่ามีการโยกไปมา เอียงซ้ายทีขวาที เวลาบินตีตอนลงพื้น มักจะล้มลุกคลุกคลานถ้าเป็นพม่าเลือดร้อนก็ยังมีให้เห็นในการยืนเดินไม่แน่ แต่ปัจจุบันได้มีการนำมาผสมข้ามสายเลือด การยืนดันไม่แน่นเริ่มจะหดหายไปบ้างแล้ว เพราะมีลูกผสมกับสายพันธุ์อื่น ๆ นั่นเอง
ชั้นเชิงและลีลาของไก่พม่าที่นักเลงไก่ชนมักนำมาเลี้ยงออกชน ชั้นเชิงไก่พม่ามีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น โยก ถอย สาด ม้าล่อสาด ถอยจับหูนอกตี ซึ่งแต่ละลีลามีรายละเอียดดังต่อไปนี้ “โยกถอยแล้วสาด” เชิงชนของไก่พม่าในลักษณะโยกถอยแล้วสาด เมื่อคู่ต่อสู้เดินเข้าหาเพื่อจะทำเชิง ยิ่งถ้าเจอไก่ที่ถอย ขี่เก่ง ๆ เจอลีลาของไก่พม่าโยกไปมาแล้วถอยสาด ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับคู่ต่อสู้อย่างมาก เพราะลีลาโยกถอยแล้วสาดไก่พม่าเชิงนี้มีนักเลงไก่ หรือเซียนไก่หลายท่านใฝ่วันอยากให้มาเป็นเจ้าของ เพราะลีลาเชิงชนแบบนี้ถือว่าสุดยอดอีกเชิงของไก่พม่า
“ม้าล่อแล้วสาดแข้ง” เป็นลักษณะที่ไก่เชิงม้าล่อพวกคู่ต่อสู้วิ่งรอบ ๆ สังเวียน พอได้จังหวะก็จะหันกลับมาสาดแข้งเปล่าใส่คู่ต่อสู้ แล้วก็วิ่งต่อ แต่ถ้าเมื่อใดที่คู่ต่อสู้ถูกสาดมีอาการหักหรือเสียตาเจ้าพม่าก็จะไม่วิ่งและยืนสู้เพื่อให้คู่ต่อสู้แพ้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ดีไก่พม่าที่มีเชิงม้าล่อจะต้องมีลูกตีที่แม่นยำ ลำหักลำโค่นดีมีพละกำลังที่ดี เพราะต้องวิ่งหลอกล่อคู่ต่อสู้ ถ้าหากหมดกำลังหรือตีคู่ต่อสู้ไม่อยู่ในอันดับต้น ๆ ก็มักจะเป็นฝ่ายแพ้ในอันท้าย ๆ อยู่เสมอ
“เชิงถอดแล้วจับหูนอกดี” ไก่พม่าเชิงแบบนี้จะกอดชักหัวหรือชักลิ่มออกเมื่อถูกกอด ขี่ แล้วจะทำให้คู่ต่อสู้กอดหลุด ถลำลงต่ำ ซึ่งไก่พม่าอาศัยจังหวะนี้เอง จิกหูนอก พร้อมกับสาดแข้งเข้าใส่คู่ต่อสู้แต่ไม่รุนแรงนัก เนื่องจากการตี จะหันข้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ไก่บางตัวที่ตีลูกน้าหนักหน่วงรุนแรงก็จะทำให้ชนะไก่ได้ในอันต้นๆ