การพิจาณาคัดเลือกไก่ชน โดยอาศัยเกณฑ์ของความเก่งเป็นหลักนั้นง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะการที่จะค้นหาไก่ชนเก่งชนะหลายครั้งติดต่อกัน ต้องใช้เวลารอและติดตามผลงานนาน แม้ว่าจะเสาะหาไก่ชนิดนี้ได้จริง แต่ขึ้นชื่อว่าไก่เก่ง เจ้าของก็มักไม่ยอมขายให้ ไม่อยากแลกเปลี่ยน ถ้าจะขาย ราคาก็สูงจนสู้ไม่ไหว
ที่สำคัญ ไก่ที่มีสถิติชนะมากครั้ง การต่อสู้แต่ละครั้งย่อมได้รับความเจ็บปวดบอบช้ำบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งมีจำนวนชนะมากครั้งเท่าใดก็ยิ่งบอบช้ำมากขึ้นเท่านั้น นักเล่นไก่ชนที่ใจกล้าเงินหนาบางคน ชอบใจที่เห็นสถิติการชนะ ยอมลงทุนซื้อมาด้วยราคาสูงลิบลิ่ว พอได้โอกาสเอาไปตีเดิมพันสูง ๆ กลับแพ้ เสียทั้งเงินทั้งไก่ บ้างก็โทษว่าดวงไม่ดี บ้างก็คิดว่าเหลี่ยมไม่ถึงกัน แต่กลับหาคิดไม่ว่า ไก่นั้นบอบช้ำมามาก กว่าจะมาเจอคู่ปรับใหม่อายุก็มากขึ้น ใกล้ปลดระวางแล้ว เมื่อมาเจอไก่หนุ่มและร่างกายสมบูรณ์กว่า จึงต้องปราชัย ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาในวงการไก่ชน
การพิจาณาดูความสามารถของไก่ชนในแง่ความเก่งนั้น จะพิจารณาแต่เพียงประวัติ หรือสถิติการแพ้ชนะอย่างเดียวหาได้ไม่ต้องพิจารณาดูสิ่งอื่นประกอบด้วย เช่น อายุ ต้องดูชั้นเชิงด้วย เพราะการชนะนั้นมีหลายแบบ ชนะเพราะฟลุ้ค บังเอิญ ชนะเพราะคู่ต่อสู้ไม่พร้อม คู่ต่อสู้ป่วย คู่ต่อสู้ถูกวางยา หรือเพราะเจ้าของฝึกไม่เป็นเหล่านี้เป็นต้น เป็นที่ยอมรับของนักเล่นไก่ที่ว่า ไก่เชิงดี ไม่จำเป็นต้องตีชนะเสมอไป เหมือนนักมวยที่มีเชิงดีฟอร์มดี อาจแพ้ทางนักมวยโนเนมก็ได้ การพิจารณาแต่เชิงตีอย่างเดียวจึงไม่พอ ต้องพิจารณาสิ่งอื่นด้วย
หลักเกณฑ์ที่นักเล่นไก่ชน ควรพิจารณาใช้เลือกไก่เก่ง ที่กล่าวถึงและมีความสำคัญมาก 2 ประการ คือ
1. ไหวพริบ
นักเล่นไก่ชนระดับเกจิ เพียงแต่เห็นการต่อสู้ของไก่ครั้งสองครั้ง ก็พอจะบอกได้ว่า ไก่ชนตัวไหนมีไหวพริบหรือไม่มีไหวพริบมีความสำคัญมากพอ ๆ กับชั้นเชิงหรือลวดลาย ไก่ต้องมีไหวพริบด้วย จึงจะได้ชื่อว่าเป็นไก่เก่งจริง เป็นไก่ที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ และไก่บางตัวที่ตีชนะ อาจจะไม่ใช่ไก่เก่งเสมอไปเพราะบางตัวไม่มีทั้งชั้นเชิงและไหวพริบ มีแต่แรงปะทะอย่างเดียวเจอไก่อ่อนเข้าก็อาจชนะได้
เรื่องของไหวพริบนั้น ถ้ามองดูเผินๆ ก็อาจจะนึกว่าเป็นชั้นเชิงหรือลวดลายการต่อสู้ของไก่ ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ไม่ทั้งหมดเพราะไหวพริบนอกจากจะได้มาจากประสบการณ์และการฝึกฝนแล้ว อาจะเกิดขึ้นมาได้เองโดยธรรมชาติของตัวไก่ก็ได้ แม้จะไม่มีเครื่องวัดที่แน่นอนถูกต้องแบบวิทยาศาสตร์ แต่นักเล่นไก่ชนเขาก็พอจะทำความเข้าใจได้ อาจอาศัยการทดสอบ โดยการเอาไก่มาชนกัน แล้วพิจารณาวิธีการแก้ไขเหตุการณ์ว่าจะทำอย่างไร รู้จักแก้ไขอย่างไร ไก่บางตัวรูปเชิงตีเดิมอยู่อย่างไร แม้จะเสียเปรียบ แต่ก็ยังใช้วิธีเดิม เชิงเดิมไม่ยอมเปลี่ยน ลักษณะเช่นนี้เรียกว่าไม่มีไหวพริบ
ไก่ชนที่ได้ชื่อว่าเป็นไก่เก่ง จะต้องมีทั้งชั้นเชิงและไหวพริบประกอบกัน
2. น้ำใจ
น้ำใจเป้นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ ใช้วัดว่าเป็นไก่เก่งหรือไม่เก่ง เป็นคุณสมบัติที่ติดตัวไก่มาเองตามธรรมชาติ ไก่ชนแต่ละตัวมีน้ำใจไม่เหมือนกัน ไก่ลักษณะดีบางตัว อาจจะมีใจไม่ดี ไม่สู้ก็ได้ บางตัวเชิงดีตีแม่น คล่องแคล่ว แต่พอถูกตีเจ็บ ๆ เข้าหนสองหนกลับไม่สู้ วิ่งหนีเอาดื้อ ๆ บางตัวก็หนีน้ำเอาเสียง่าย ๆ บางตัวเป็นได้แค่ไก่รองบ่อนอย่างเดียว อย่างนี้เรียกว่าน้ำใจไม่ดี ไม่อดทน กลัวเจ็บ ถ้าทำเขาได้ข้างเดียวก็สู้ถึงใจ แต่พอถูกเขาทำเอาเจ็บ ๆ กลับวิ่งหนี ไก่ชนิดนี้ แม้ลวดลายดี ชั้นเชิงดีตีหนัก ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยง